สวยแพงทุกตารางนิ้ว! Rosewood Bangkok กับห้องพักคืนละ 300,000!?

Rosewood Bangkok เป็นโรงแรมหรูหราที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองกรุงเทพฯ โดดเด่นด้วยความลงตัวและบริการที่เป็นเลิศ ถือเป็นหนึ่งในโรงแรมที่เรียกว่า “สวยแพงทุกตารางนิ้ว” ที่พร้อมที่จะทำให้ทุกท่านที่มาพักผ่อนตั้งแต่นักท่องเที่ยวทั่วไปจนถึงนักธุรกิจต้องคาใจกับความหรูหราและการต้อนรับอย่างสะดวกสบาย ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับโรงแรม Rosewood Bangkok และประสบการณ์การพักผ่อนที่ไม่เหมือนใครที่ที่พักหรูระดับสากลนี้มอบให้กับแขกทุกคน พร้อมแนะนำเหตุผลที่ห้องพักคืนละ 300,000 บาท!

สารบัญ

1. ความหรูหราและดีไซน์อันทันสมัย

สวยแพงทุกตารางนิ้ว! Rosewood Bangkok กับห้องพักคืนละ 300,000!? - YouTube

เมื่อก้าวเข้าสู่โรงแรม Rosewood Bangkok ทันทีที่ท่านจะรู้สึกถึงความหรูหราและสง่างามของสถานที่ ด้วยการออกแบบอย่างทันสมัยที่เชื่อมต่อกันอย่างลงตัว สถานที่ดังกล่าวได้รับการออกแบบโดยนักออกแบบชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลก นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดและสีที่คอมพลีเมนต์กันอย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยที่สุดให้กับแขกทุกคน

2. บริการและความเป็นส่วนตัว

Rosewood Bangkok มีเจ้าหน้าที่บริการที่เป็นมืออาชีพและเป็นกันเอง พวกเขาเต็มใจให้บริการและอำนวยความสะดวกให้กับแขกทุกคน รูปแบบการบริการที่คอยเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับแขกทำให้ท่านรู้สึกเหมือนกับคนในครอบครัว การให้ความสำคัญในเรื่องของความเป็นส่วนตัวเป็นหนึ่งในสิ่งที่ Rosewood Bangkok ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

3. ความอร่อยในร้านอาหารระดับโลก

สวยแพงทุกตารางนิ้ว! Rosewood Bangkok กับห้องพักคืนละ 300,000!? - YouTube

ที่พักนี้ไม่เพียงแค่เป็นที่พักที่หรูหราและสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีร้านอาหารที่มีเมนูคุณภาพระดับโลกที่สามารถทำให้ทุกคนหลงใหลในรสชาติและได้รับความประทับใจอย่างแน่นอน มีตัวเลือกหลากหลายร้านอาหารให้คุณได้เลือกตามความชื่นชอบ ตั้งแต่อาหารไทยแบบดั้งเดิมจนถึงอาหารอินเตอร์เนชันแนล

4. สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน

หากท่านต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการประชุมทางธุรกิจ การออกกำลังกาย หรือการพักผ่อนที่เป็นส่วนตัว ที่นี่มีทั้งหมด ท่านสามารถเพลิดเพลินกับสระว่ายน้ำขนาดใหญ่หรือออกกำลังกายที่ศูนย์ออกกำลังกายที่ครบครัน นอกจากนี้ยังมีสปาที่นี่ที่คอยเสริมสร้างสุขภาพกายและสมาธิของท่านอย่างครบถ้วน

5. การพักผ่อนที่ไม่เหมือนใคร

สวยแพงทุกตารางนิ้ว! Rosewood Bangkok กับห้องพักคืนละ 300,000!?

ในสิ่งที่ทำให้ Rosewood Bangkok มีชื่อเสียงที่มากกว่าความหรูหราของสถานที่ ก็คือประสบการณ์การพักผ่อนที่ไม่เหมือนใครที่ท่านจะได้สัมผัสจริงๆ ที่นี่ไม่ได้เพียงแค่ห้องพักที่สะดวกสบาย แต่ยังมีความอบอุ่นและเป็นกันเอง ทำให้ท่านรู้สึกเหมือนกับอยู่บ้าน สิ่งนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับห้องพักที่ Rosewood Bangkok มีราคาคืนละ 300,000 บาท

6. สรุปและข้อเสนอแนะ

เมื่อพิจารณาถึงความหรูหราและบริการที่เป็นเลิศของ Rosewood Bangkok และประสบการณ์การพักผ่อนที่ไม่เหมือนใคร ไม่แปลกที่ท่านจะพบว่าห้องพักคืนละ 300,000 บาทเป็นราคาที่คุ้มค่าที่สุด ถึงแม้จะมีราคาที่สูงกว่าโรงแรมหลายแห่ง แต่คุณค่าและประสบการณ์ที่ท่านจะได้รับในการพักผ่อนกับ Rosewood Bangkok ทำให้คุ้มค่าที่สุดที่สุด

สวยแพงทุกตารางนิ้ว! Rosewood Bangkok กับห้องพักคืนละ 300,000!? - YouTube

FAQs เกี่ยวกับ Rosewood Bangkok

1. ราคาห้องพักคืนละ 300,000 บาทรวมอะไรบ้าง?

  • ราคาห้องพักคืนละ 300,000 บาทรวมค่าอาหารเช้าและอินเตอร์เน็ตไร้สาย รวมถึงบริการรับและส่งที่สนามบินด้วยรถส่วนตัว

2. Rosewood Bangkok มีบริการสปาให้บริการอย่างไร?

  • สปาของ Rosewood Bangkok มีบริการนวดและดูแลสุขภาพร่างกายแบบพิเศษ พร้อมกับสระว่ายน้ำที่สวยงาม

3. ที่พักนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มาท่องเที่ยวกับครอบครัวหรือไม่?

  • ใช่, Rosewood Bangkok เหมาะสำหรับทุกคนทั้งครอบครัว นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ

4. มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการประชุมทางธุรกิจที่ Rosewood Bangkok หรือไม่?

  • ใช่, ที่พักนี้มีห้องประชุมและสถานที่จัดงานที่ให้บริการตามความต้องการของแขก

5. การเดินทางไปยังสถานที่สำคัญใกล้เคียงทำอย่างไร?

  • Rosewood Bangkok มีบริการรถรับ-ส่งที่สนามบินและสามารถเช่ารถหรือใช้บริการรถแท็กซี่ในการเดินทางไปยังสถานที่สำคัญใกล้เคียง

สวยแพงทุกตารางนิ้ว! Rosewood Bangkok กับห้องพักคืนละ 300,000!? [VIDEO]

“ที่นี่คือโรงแรม “”Rosewood Bangkok””​ โรงแรมสุดหรูใจกลางย่านเพลินจิตที่มีดีไซน์การตกแต่งโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ที่นี่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างมากและตัวโรงแรมก็เติบโตเร็วเอามากๆถึงขนาดที่จะเปิดเพิ่มอีก 20 กว่าแห่งภายใน 2-3 ปีกันเลยทีเดียว

โดยวันนี้เราจะพาไปดูห้องพักที่แพงที่สุดที่มีค่าห้องสูงถึงคืนละ 300,000 บาท!! และพาทัวร์รอบโรงแรมให้เห็นถึงดีไซน์ที่หรูหรา จะเป็นยังไง ไปชมกัน!

โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ เปิดตัวแคมเปญใหม่ WaiWeCelebrate ในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ เพื่อฉลองการเปิดตัวห้องพักใหม่สุดพรีเมี่ยม ทุกท่านสามารถเข้าร่วมแคมเปญ WaiWeCelebrate ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2564

See also  รีวิว ที่พักริมทะเลกระบี่ ที่หรูที่สุด! ต้องมาสักครั้งในชีวิต! Phulay Bay, a Ritz-Carlton Reserve

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักกับผู้เชี่ยวชาญของโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ได้ที่ +66 2 080 0088 หรืออีเมล [email protected] หรือเข้าชมเว็บไซต์ได้ที่ rosewoodhotels.com/bangkok

#BoomTharis

FOLLOW ME
on: https://www.facebook.com/BoomTharis/
on: https://www.instagram.com/BoomTharis/
on: https://twitter.com/BoomTharis/”

เนื้อหาของวิดีโอ สวยแพงทุกตารางนิ้ว! Rosewood Bangkok กับห้องพักคืนละ 300,000!?

โรงแรมแห่งนี้คือ rosewood Bangkok นะครับเป็นโรงแรมสุดหรูที่ตั้งอยู่ในย่านเพลินจิตนะฮะใจ เมืองกรุงเทพ มหานคร แล้วก็ห้องพักที่เราอยู่ตอนนี้คือห้องพักที่ดีที่สุดของโรงแรมนะครับคือห้องบรรณาการ มีราคาต่อคืนสูงถึงคืนละ 300,000 บาทเลยนะครับทุกคน เมื่อเทียบ เครือโรงแรมต่างๆทั่วโลกเนี่ย ROS จัดว่าเป็นเครือโรงแรมน้องใหม่ นะครับคือจริงๆเนี่ยโรงแรมโรสวู๊ดแห่งแรกเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1979 แล้ว แล้วนะครับที่ ปัจจุบันเนี่ยโรงแรมโรสวูดเนี่ยได้รับความนิยมจาก นักท่องเที่ยว รุ่นใหม่เยอะมากๆนะครับเพราะว่ามันเป็นโรงแรมที่เขาเน้นเรื่องของการตกแต่งที่มันสวยงามมากๆ แล้วถ้าเกิดเราไป rosewood แต่ละที่ทั่วโลกนะมันจะไม่ซ้ำกันเลยทุกคน แล้วนอกจากนั้นเนี่ย โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมที่เติบโตเร็วมากๆด้วยนะ เขามีแผนว่า ในอีก 4-5 ปีข้างหน้าเนี่ย เขาจะเปิดเพิ่มอีกถึง 20 โลเคชั่นเลย เลยนะครับซึ่งถือว่าเร็วมาก ดังนั้นในวันนี้ผมจะพามาดูรายละเอียดของโรงแรมโรสวูดแบงค์นี้ รวมถึงพามาดูห้องพักที่พิเศษที่สุด ของที่นี่ด้วย จะเป็นยังไงไปชมกัน ที่โรงแรมโรสวูดนะครับเขาจะมีการสร้าง sense of arrival ให้กับแขกที่เพิ่งจะ เดินทางมาถึง ซึ่งเป็นการสร้าง First impression ที่ดีแล้วก็เป็นการบอกว่า คุณเดินทางมาถึงโรงแรมโรสวูด Bangkok แห่งนี้แล้ว ดังนั้นเขาจะมีการใส่ใจเรื่องของการตกแต่งบริเวณโถงทางเข้าตรงนี้เยอะนิดนึง จุดที่ผมอยู่ตรงนี้จะเป็นจุด Drop off นะครับซึ่งอยู่ติดกับตรงบริเวณถนนด้านหน้าเลยนะครับ รถจะวนเข้ามาเพื่อจอดรับส่งกันตรงนี้ซึ่งตรงนี้เขาจะ ทำเป็นเพดานสูง ด้านบนเนี่ยมีการตกแต่งฝ้าไว้อย่างสวยงามนะฮะใส่โคมไฟเอาไว้ส่วนผนังด้านข้างตรงนี้จะเป็นผน หนังน้ำตกยาวตลอดแนวเลยนะครับ ซึ่งมันจะทำหน้าที่ 2 อย่าง อย่างที่ 1 ก็คือเป็นตัวบังสายตาไม่ให้คนข้างนอกเนี่ยมองเข้ามาข้างในแล้วให้แขก มี privacy มากขึ้น อย่างที่ 2 คือมันจะทำหน้าที่สร้างเสียงน้ำนะครับเพื่อลดทอนเสียงรบกวนจากภายนอกที่เข้ามาถึง ส่วนด้านในทางนี้ มันจะเป็นพื้นที่ที่แบบเป็น 4 แยกสำหรับต้อนรับนิดหน่อยนะครับตัวล็อบบี้จริงๆจะอยู่ที่บริเวณชั้น 7 ได้ครับเดี๋ยวเรากดลิฟท์ขึ้นไปดูข้างบนกัน พื้นที่ส่วนของล็อบบี้นะครับจะเป็นจุดที่แขก เนี่ยเขาเอามาใช้เช็คอิน Check Out แล้วก็พบเจอพนักงานต้อนรับตรงบริเวณนี้นะครับจริงๆพื้นที่มันไม่ได้มีอะไรมากหรอกทุกคนไม่ได้ใหญ่มากนะ นะครับแต่ว่าสิ่งที่ผมอยากจะให้สังเกตนะครับและสังเกตนับจาก ตรงนี้ไปจนจบคลิปเลยนะครับ คือการตกแต่งภายใน ของที่นี่นะครับที่โรงแรม Road suite Bangkok แห่งนี้ เขามี interior Designer มากถึง 3 เจ้าเลยนะครับที่ใช้ดูแลการตกแต่ง ภายในทั้งหมด อย่างบริเวณ Public area ต่างๆเนี่ย ดีไซเนอร์ที่รับผิดชอบก็จะเป็นทีม ของคุณซีเรีย ซึ่งจะเป็นดีไซเนอร์ชาวไต้หวัน ที่เขาจะมีผลงานอยู่ ในโรงแรมต่างๆ ต่างทั่วโลกเลย ภายในล็อบบี้อย่างเดียวเนี่ยผมอยากจะให้ดูการใช้วัสดุ ของเขานะครับ ซึ่งมีการเลือกใช้วัสดุผสมกันหลายอย่างมากอย่างผนังอย่างเดียวเนี่ยเราจะเห็นวัสดุไม่ต่ำกว่า 10 แบบ นะครับรวมๆกันเนี่ยซึ่งการใช้วัสดุเยอะๆแบบนี้ มันเป็นต้นทุนที่สูงมากนะทุกคน แล้วอย่างที่ 2 ที่อยากจะให้ดูด้วยคือการจัดแสงนะครับ Lighting ต่างๆ อย่างอันที่เป็นพระเอกเลยก็คือตัว Chandelier ที่อยู่บนหัวผมอันนี้นะครับ ซึ่งอันนี้เขาจะทำเป็นรูป ซึ่งตัว Chandelier จริงๆมันเป็นแท่งอะคริลิคธรรมดาไม่ได้มีอะไร ตัวหลอดไฟเนี่ยมันจะฝังอยู่ที่เพดาน ซึ่งพอส่องลงมาปุ๊บกระทบกับตัวแผ่นอะคริลิคของพัดเนี่ยมันก็จะกระจายออกไปเกิดเป็น แสงที่มันสวยงามแปลกตาไม่เคยเห็นที่อื่น นะครับแล้วอีกจุดหนึ่งที่อยากจะให้สังเกตคือบริเวณโต๊ะรีเซฟชั่นนะครับ ที่เขาจะมี โคมไฟอันนึงที่เขาทำเป็นเหมือนกับผ้าม่านที่มันย้อยลงมา รับกับตัวแจกันดอกไม้แล้วก็เคาน์เตอร์ที่มีผน ตกแต่งเป็น ลายฉลุไทยนะครับซึ่งดูแล้วโดยรวม ออกมาสวยงามมากๆ ส่วนถัดมาอีกด้านหนึ่งของล็อบบี้นะครับมันจะเป็นห้องอาหารละคร นะครับซึ่งจะเป็นยูโรเปี้ยนบราสเซอรี่ ห้องอาหารห้องนี้จะเป็นห้องอาหาร ของตัวโรงแรมนะฮะที่เขาจะใช้เส อาหารเช้าด้วย ซึ่งการ แต่งของห้องนี้สวยงามมากเลยทุกคนมันจะออกเป็นโทนสีขาว สิ่งที่ผมอยากจะให้สังเกตคือบริเวณฝ้าเพ ด่านนะครับที่เขาจะใช้เป็นแบบ ลวดลายแบบทรงคลาสสิคคลาส ผสมกับพวกเฟอร์นิเจอร์ที่มันออกโมเดิร์น เขาบอกลวดลายบนเพดานเนี่ยเขาเอา inspiration มาจากลวดลายบนกล่องเพลง สมัยปี 1800 กว่า ป่ายุบวิคตอ มันจะมีความหวานมากๆเลย ทุกคนแล้วก็ สาวๆหลายๆคน น่าจะชอบมานั่งห้องนี้จิบ Afternoon Tea ด้วยนะครับ Facility ของตัวโรงแรมนะครับเขาจะตั้งอยู่ที่บริเวณชั้น 9 นะฮะซึ่งที่ชั้นนี้จะประกอบไปด้วยตัวสระว่ายน้ำ ตั๋วห้องฟิตเน แล้วก็ตัวร้านอาหาร g&o นะครับ ตู้สระว่ายน้ำเนี่ยมันจะเป็นสระระบบเกลือความยาวประมาณ 20 เมตรนะทุกคน มันจะมีฟีเจอร์พิเศษนะครับ คือเขาจะมีน้ำตกอินดอร์นะครับ ตัวน้ำตกเนี่ยจะเป็นน้ำตกที่ตกจากชั้น 19 ลงมาที่ชั้น 9 นะทุกคนความสูงเท่ากับตึก 10 ชั้นนะครับ ซึ่งใหญ่มากๆสูงมากๆนะฮะ เป็นฟิวเจอร์หลักของตัวอาคารเลยแต่ว่าตอนนี้ในช่วงโควิด เขาจะยังปิดอยู่นะครับ แล้วก็ด้านข้างเนี่ยจะมีห้องฟิตเนสสำหรับออกกำลังกายเนี่ยตัวฟิตเนสเนี่ย จะใช้เครื่องของเทคโนโลยีนะครับ ซึ่งจะเป็น Standard ของ rosewood เลยนะฮะ แล้วก็ฝั่งตรงข้ามจะมีห้องอาหาร g&o นะครับ ซึ่ง gmo ย่อมาจาก Green and organic นะครับคือเป็นร้านอาหารสำหรับสายสุขภาพนะฮะ เขาก็จะเป็นครูบาไปในตัวด้วยเสิร์ฟอาหารสำหรับคนที่มาใช้งานบริเวณสระน้ำนะครับผม ถัดมานะครับตอนนี้เราจะอยู่ที่ชั้น 6 นะครับซึ่งเป็นชั้นสปาของตัวโรงแรมนะฮะ ที่โรงแรมโรสวูด เขาจะมีแบรนด์สปาเป็นของตัวเอง มีชื่อว่า Sense นะ โดยแต่ละที่ก็จะมีการตก แต่งที่มันไม่เหมือนกันอย่างที่ rosewood Bangkok เนี่ย เขาจะมี Con เครปนะครับหรือว่าถ้ำนั่นเอง จะสังเกตได้จากการตกแต่งผนังด้านข้างที่เขาทำเหมือนกับเป็นผน เหมือนกับเป็นโรคที่เรากลับเข้ามาฟื้นฟู ตัวเองแล้วก็ออกไปใหม่ แล้วก็ตัวสกินแคร์ที่เขาใช้ใน สปาของเขานะฮะ จะเป็นแบรนด์ เอวีดองเดอะโบเต้นะครับก็ครีมกระปุกละประมาณหมื่นกว่าบาท ทำหน้าให้ แล้วก็ภายในห้องทรีทเม้นท์ของเขาเนี่ยทุกคน เขาจะมีการใส่ใจเรื่องของ อุปกรณ์ที่ใช้ในห้องสปาของ อย่างตัวเตียงเนี่ยนะฮะ เขาบอกว่า เตียงเนี่ย หมอนของเขาจะเป็นหมอนเมมโมรี่โฟมนะครับ ที่นอนแล้วหน้าไม่ยับนะฮะ แล้วก็เตียงของเขาเนี่ยเขาจะใช้เตียงยี่ห้อ Living Earth นะครับ ปิงปิงไฮดรอลิคซึ่งมีความพิเศษ ตรงที่ว่า มันเงียบมาก คือปรับขึ้นมาอะไรอย่างเงี้ยมันจะไม่รบกวนคนที่นอนอยู่ข้างๆเรา นะครับซึ่งนี่มันเป็นดีเทลที่มันแบบยิบย่อยมากเลย เขาก็ยอมลงทุนใส่ใจ กับสปาของ ต่อมาขึ้นมาที่ชั้น 19 นะครับทุกคนชั้นนี้จะเป็นชั้นของห้องอาหารจีนของตัวโรงแรมนะครับก็คือร้าน หนานเป้ยนั่น ซึ่งเวลาเราเดินออกจากลิฟต์มาเนี่ยทุกคน เราจะมาพบกับ Landmark ของที่นี่ก่อนนะครับ นั่นก็คือตัว Moon อันนี้ ตรงนี้จะเป็นจุดที่แบบคนมา ถ่ายรูปเยอะมากนะครับทุกคนจะเห็นตัว inspiration Art ที่อยู่ด้านหลังกระจกอันนี้ ที่เขาจะทำเป็นดวงไฟระยิบระยับอันนี้นะครับ อันนี้เขาได้รับ inspiration มาจากเรื่องหนุ่มเลี้ยงวัว กับสาวทอผ้านะครับที่มันเป็นนิยายพื้นบ้านของจีน ซึ่งมันเป็นเรื่องราวความรักต้องห้ามเกี่ยวกับคนธรรมดากับนางฟ้านะครับ ปีนึง เขาจะเจอกันได้แค่ปีละครั้งนะครับ แล้วการที่เขาจะเจอกันเขาจะต้องข้ามสะพานนกกระเรียนพันตัว ไปพบกันที่ทางช้าง ซึ่งมันก็เลยทำออกมาเป็น installation Art แบบนี้นะฮะถ้าเราสังเกตเข้าไปข้างในเราจะเห็น นกกระเรียนอยู่เต็มไปหมดเลยนะครับมีเป็นร้อยตัวเลยนะ แล้วก็สะท้อน กระจกด้านข้าง ตรงนี้สวยงามมากๆ มา ต้องถ่ายรูปซึ่งทุกคนรอผมแป๊บ คำว่าหนานเป่ยนะครับทุกคนน้ำเนี่ยมันแปลว่าใต้เปื่อย มันแปลว่าเหนือ นะครับร้านอาหารร้านนี้มันเป็นร้านอาหารจีนที่เอาอาหารจีนจาก 2 สัญชาติมารวมกันอยู่ในร้านเดียว เวลาเราเดินเข้ามาเนี่ย เราจะพบกับเคาน์เตอร์ครัวสองฝั่งนะครับ ฝั่งนึงเนี่ยมันจะ referent ปักกิ่ง ซึ่งเราจะเห็นเป็ดปักกิ่งแขวนเต็มเลยนะครับ ฝึกอีกด้านนึงเนี่ยมันจะ expense ฝั่งใต้ซึ่งฝั่งใต้มันจะอยู่ใกล้ กับโซนทะเลใช่ไหมทุกคนอันนี้เขาจะมีพวกซีฟู้ดมาวางตรง เวลาเรามาร้านนี้เราก็จะได้กินอาหาร ทั้งสองภูมิภาคเลย นอกจากตัวอาหารนะครับทุกคน อีกอย่างนึงที่ผมอยากจะให้ทุกคนโฟกัสด้วยนะครับคือการตกแต่ง ภายใน คือตัวร้านหนานเป่ย เขาจะใช้สไตล์ แต่งเป็น ark ซึ่งเป็นสไตล์ที่ฮิตมากในช่วงประมาณปี 1,900 นิดๆ สงครามโลกครั้งที่ 1 มันจะมีความเรโทรหน่อย หน่อยนะฮะทุกคน แล้วทุกคนจะเห็นการใช้สีสันที่มันแบบสดนิดนึงเช่นเก้าอี้สีเหลืองผนังสีเขียวอะไร Concept อย่างนึงของร้านนี้ คือเขาต้องการให้เรากินอาหาร อาหารจีนแต่เป็นจีนสไตล์จีนแท้เลยนะ แต่ว่าอยู่ในบรรยากาศ ที่มัน contrast กัน แบบที่มันมีความเป็นยุโรปอะไร ซึ่งไอ้ความ Contrast กันแบบนี้มันเป็นเสน่ห์อีกอย่าง อย่างหนึ่งที่ผมว่า เขาทำออก ส่วนชั้นนี้จะเป็นชั้น 30 นะครับทุกคนชั้นนี้จะเป็น Sky Bar ของ บาร์แห่งนี้จะเรียกว่าเลนนอน นะครับที่เนี่ยเขาจะใช้การตกแต่งสไตล์แบบ Speak Easy ซึ่งคำว่า speak Easy เนี่ยทุกคน มันมาจากคำว่า Speak Easy Shop เหล้ามันผิดกฎหมายในการขายในช่วงประมาณปี 19 เวลาพูดถึงร้านเหล้าในสมัยนั้นน่ะเขาเลยใช้คำ Speak Easy คือพูดกันค่อยๆเบาๆรู้กันเองว่ามันเป็นร้าน นะครับแต่ว่าข้างบนนี้เขาทำให้มันเป็นมีความ Metro Retro แล้วเขาจัดเป็นร้าน ซึ่งที่นี่จะมี Collection แผ่นเสียงมากกว่า 6 แผ่นอยู่ที่นี่ คนที่มาที่นี่สามารถเดินมาเลือกแผ่น นะครับแล้วเอาไปเปิดให้ดีเจเปิดให้ฟังได้ซึ่งจะอยู่อีกห้อง อีกห้องนึง ทุกคนฝั่งนี้เขาจะเป็นเคาน์เตอร์บาร์ นะครับที่เขาจะมีการเสิร์ฟเครื่องดื่มกันอยู่ตรงนี้ แล้วก็เราจะเห็นว่าเขาจะมีผนังกระจกที่เขาทำเป็นแบบ เถียงนะครับที่มันจะสามารถมองออกไปเห็นวิวข้างนอกได้ แล้วผมอยากจะให้ดูการตกแต่ง ของที่นี่นิดนึงคือเขาจะมีลำโพงที่ฝังอยู่ในผนัง แบบนี้ทุกคน ซึ่งเขาทำเป็นสไตล์แบบเรโทรเลยนะครับที่สมัยก่อนเขาจะชอบเอาลำโพงฝังไว้แบบนี้นะฮะเครื่องเสียงของที่ เขาจะใช้ แอมป์ของแมคอินทอช นะครับใช้เทิร์นเทเบิ้ลของ Nottingham แล้วก็ใช้ลำโพง ของฮา นะครับซึ่งเขาบอกว่า 3 ยี่ห้อนี้เป็น holy trinity การเล่นแผ่น ต่อมานะฮะก็จะขอพาไปดูห้องพักต่างๆ หนังภายในโรงแรม อย่างนี้กันบ้างนะครับ ตัวโรงแรมเนี่ยมีห้องพักเยอะแยะมากมายหลายทริปเลย นะทุกคนแต่เขาจะแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 3 กลุ่ม กลุ่มแรกก็คือ กลุ่มที่ 2 คือสว กลุ่มที่ 3 คือ H ลุงเนี่ยน่าจะเป็นห้องพักไซส์ซิ่งเริ่มต้นน่ะอย่างห้องดีลักซ์เนี่ยจะอยู่ ที่ประมาณสัก 12 ตารางเมตร ราคาอยู่ที่ประมาณ 8,000 บาทห้องพักพวกเนี้ยฟังก์ชันมันก็อาจจะไม่ได้มีอะไรมากคล้ายๆกับห้องพักอื่นๆ นะครับแต่ขยับขึ้นมานะครับจะเป็นห้องแบบสวีท ห้อง Su ก็จะขนาดใหญ่ขึ้นมานะครับ การตกแต่ง จัดเต็มมากขึ้นมีการแบ่งฟังก์ชันที่มันเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้นนะครับแล้วก็ราคาก็สูง ขึ้นด้วยอยู่เริ่มต้นตอนกลางคืนละประมาณสักหมื่นกว่าบาท เกือบ 20,000 ได้แล้ว แต่แบบสุดท้ายเนี่ยที่เรียกว่า House House เนี่ยจะเป็นห้องพักที่แต่ละห้อง มีอยู่ ห้องเดี่ยวในโรงแรม การตกแต่งในห้องนี้ก็จะจัดเต็มสุดๆ ขนาดก็จะใหญ่ขึ้นมานะครับ แล้วก็ราคาก็จะสุดด้วยนะฮะอยู่ที่เริ่มต้นคืนละประมาณ ศูนย์ห้องพักที่เราอยู่ตอนนี้ คือบรรณาการเฮ้าส์นะครับ ใหญ่ที่สุด หรูที่สุดแพงที่สุดคือ ส่วนแรกสุดที่อยาก จะพามาดูก่อนนะครับ คือ Part ของ Living Are ตัว Living เนี่ย จะแบ่งเป็น 3 ฟังก์ชันย่อยๆนะทุกคน ก็คือส่วน ของโซฟ ตรงกลางห้อง แล้วก็ถัดมาจะเป็น ของเคาน์เตอร์บาร์ แล้วก็ ไปอีกห้องนึงเนี่ย ห้องรับประทาน ครัว อย่างแรกที่อยากจะให้ดูก่อนเลยคือพื้น ตัวพื้นเนี่ยเขาเรียกใช้เป็นพื้นไม้สีเข้ม สารกันเป็นลาย bondo กับลายเคมบริดจ์นะครับ แล้วก็มันจะรับ ที่เขาทำเป็น Pattern สี่เหลี่ยมๆคล้ายๆกัน นะครับซึ่งดูแล้วมันจะซิงค์ นิดนึง นะทุกคนแล้วก็ตัวผนังเนี่ย เขาใช้เป็น ผนังหินอ่อน สีขาวนะครับซึ่งจริงๆผนัง ไม่ใช่เรื่องแปลกมากนะครับ แต่ว่าสิ่งที่แปลกคือพวกคิ้วผนัง คิ้วบัวนะครับ ก็ใช้เป็นวัสดุหินอ่อนเหมือนกันนะครับ ซึ่งไอ้ต้นทุนการทำพวกคิ้วบัวเป็นหินอ่อนแบบ มันเป็นต้นทุนที่สูงมากเลย แล้วก็พวกเฟอร์นิเจอร์ ในเฟอร์นิเจอร์ 1 ชิ้นเนี่ยเขาจะมีการใช้วัสดุหลายๆอย่างรวมๆ อย่างเช่น โต๊ะกลางตัวนี้ ท็อปมันจะเป็น ด้านข้างมันจะเป็นหวาย มันจะมาซิงค์ ตัวเคาน์เตอร์บาร์นี้ เคาน์เตอร์บาร์ท็อปก็เป็นหินเหมือนกันแต่ว่า ข้างล่างเนี่ย อันนี้ไม่ใช่หิน อันนี้จะเป็น แล้วขาของ Counter Bar เนี่ยมันจะเป็น ซึ่งมันจะมาซิงค์กับอันนี้ครับ เก้าอี้ที่เป็น ที่เป็นขา แบบโครเมียมเหมือนกัน เวลาเราดูรวมๆแต่ละชิ้นเนี่ย มันจะทำให้รู้สึกว่าห้องนี้ สวยแพงมาก ส่วนถัดเข้ามาด้านในนะฮะเราจะเจอ กลับห้องไพร Dining R นะครับซึ่งจะมีโต๊ะรับประทานอาหาร 10 ที่นั่งเตรียมไว้ให้ คนที่เป็น แขกที่เข้าพักห้องนี้ส่วน ดังนั้นเนี่ยบางที อาจจะไม่ได้อยากลงไปกินข้าวที่ห้องอาหาร เราสามารถให้เชฟ ขึ้นมาทำอาหาร ที่บนห้องของเราได้ซึ่งในห้องเนี่ยเขาจะมี ที่เขาเตรียมไว้ อาหารภายในห้องได้เลย ถัดมาตรงกลางห้องเนี่ยห้องนี้จะเป็นห้องที่มีระเบียงส่วนตัวด้วยนะครับ ซึ่งพิเศษตรงที่ เขาจะมีสระว่ายน้ำเป็นอ่างจากุซซี่ส่วนตัวภายในห้องด้วยนะ แล้วก็ขนาดของระเบียงก็ค่อนข้างใหญ่เลย แล้วตรงนี้เราสามารถนอนแช่น้ำนะฮะแล้วก็รับวิวได้ข้างนอกซึ่งตรงนี้เราจะมองเห็นวิวของถนนเพลินจิต แล้วก็ City ตะเข็บของบริเวณกรุงเทพชั้นในซึ่ง สุดท้ายนะฮะด้านในจะเป็นโซนห้องนอนนะทุกคน แต่พอเราเปิดประตูมาปุ๊บ เราจะยังไม่เจอกับห้องนอนทันทีนะครับเราจะเจอโฟเย่เล็กๆตรงนี้ก่อน ด้านข้างมี ตู้มินิบาร์นะครับ ตัวห้องนอนเนี่ยจะหลบอยู่ด้านในเพื่อให้มันเกิดความไพรเวซี่ ฝั่งนี้จะเป็นห้องแต่งตัวด้านหลัง อยากจะดูตรงนี้ก่อนตู้มินิบาร์เนี่ยคือผมอยากจะบอกว่าถ้าเกิดทุกคนมีโอกาส อยากให้มาสังเกตพวกเครื่องแก้ว ถ้วยชามภายในห้อง นะครับซึ่งเขาแบบใส่ใจมาก อย่างอัน จะเป็นของยี่ห้อนารูมินะครับ เขาจะปั๊มโลโก้ของ rosewood Bangkok ไว้ตรงนี้ด้วย ใส่ใจรายละเอียดมาก ถัดมาในส่วนของห้องนอนทุกคน พื้นที่ห้องนอนเขาก็ให้ความสำคัญเยอะเหมือนกัน นะครับคือเดินเข้ามามันไม่ได้เจอเฉพาะส่วน แล้วยังเจอพื้นที่ที่เป็นแบบ Living area เล็กๆอยู่ภายในห้องด้วยแล้วก็ภายในห้องนอนนี้ เขาจะใส่กระจกขนาดใหญ่ 2 ด้านนะครับเพื่อให้เราสามารถมองออกไป มันจะมีดีเทลอย่างนึงที่ผมอยากจะให้สังเกต คือตัวตึกเนี้ย มันจะเป็นตึกที่มีหน้าตาเป็น ที่ทุกคนเห็นอยู่เนี่ยอันนี้คือเสาโครงสร้างของ ซึ่งถ้าเกิดเป็นที่อื่นๆ เขาอาจจะเลือกที่จะปกปิดเสาโครงสร้างอันนี้ไม่ให้เราเห็น นะครับแต่ที่นี่เขาใช้เสาโครงสร้าง เสียงนี้ให้เป็นประโยชน์แล้ว เอามาช่วยตกแต่งห้องให้มันสวยขึ้นแล้วมันมีเอกลักษณ์มากขึ้น คือพอเราเห็นปุ๊บเราจะจำได้เลยว่าเนี่ยคือ ROS และมันมี in Detail อีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากจะให้ทุกคนสังเกต ไปพร้อมกันคือ ไล่ สีเฟอร์นิเจอร์นะครับเฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้เขาจะแต่งด้วยโท สีเขียว สีฟ้า แล้วก็ ไล่มาที่โซฟาตัวนี้จะเป็นสีน้ำเงินที่ เข้มขึ้น นะครับแล้วก็มาที่ผนังเป็นสีเขียวหัวเตียงเป็น แต่ละชิ้นเนี่ยทุกคนจริงๆแล้วมันเป็นคนละสีกันหมดเลย ซึ่งดูเหมือนจะไม่เข้ากัน แต่เข้ากัน สุดท้ายนะทุกคนจะพาเข้ามาดูในส่วนของห้องน้ำนะครับซึ่งห้องน้ำเนี่ย โทนสีหลักๆที่เขาจะใช้จะเป็นทูโทนคือเป็น black and white นะครับแล้วเขาก็จะกรุหินอ่อน ทัวร์ห้องน้ำเลยนะฮะ ตัวที่เป็นพระ ของห้องนี้ เคาน์เตอร์อ่างล้างมือตรงนี้นะครับซึ่งจะเป็นแบบ his and her ตัวอ่างล้างมือที่เขาใช้กับพวกฮาร์ดแวร์ต่างๆที่อยู่ในห้องน้ำเนี่ย จะเป็นของยี่ห้อคาริต้า นะครับซึ่งอันนี้จะเป็นแบรนด์สุขภัณฑ์หรูจากอเมริกานะฮะ ในประเทศไทยเนี่ยที่ผมไปดูมาเนี่ยมี 2 ที่เท่านั้นที่ใช้คือที่นี่ อีกที่หนึ่งคือ 98 Wireless นะครับผมรีวิวไว้แล้ว แล้วส่วนไฮไลท์สำคัญของห้องน้ำห้องนี้ คือตัว อ่างอาบน้ำอันนี้นั้นเองนะทุกคน ซึ่งเราสามารถ นอนแช่บ่อจากุซี่ตรงนี้ แล้วก็มองเห็นวิวข้างๆได้เพราะว่าด้านข้าง เขาทำมาเป็น มีความน่ารักของโรงแรมอย่างนึงคือเขา ให้หมอนมาด้วยทุกคน เราสามารถ นอนหนุนหมอนตรงนี้ ดู Content จากจอทีวีที่อยู่ด้านข้างนะครับแล้วก็ชมวิวไปด้วยได้ Ok ครับทุกคนตอนนี้เราก็เดินดูโรงแรมเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับอยู่กันจนมืดเลยนะฮะ Rose Wood Bangkok นะครับคือโรงแรมนี้ต้องบอกว่าเป็นโรงแรมที่สวยมากเลยนะ คือด้วยทำเลมันเป็น City Hotel City Hotel เคยอยู่ใจกลางเมืองย่านเพลิน ซึ่งฟังก์ชันของ City Hotel มันจะคล้ายๆกัน มีห้องพักดีๆ มี service ดีๆมีสปา มีร้านอาหารสวยๆมีบาร์สวยๆ นะครับ แถวๆนี้ มันมีตัวเลือกเยอะมากนะครับ แต่สิ่งที่จะทำให้ที่นี่แตกต่างและไม่เหมือนที่อื่นนะครับผมบอกได้เลยมันคือเรื่องของการตกแต่ง ที่นี่เขาใส่ใจเรื่องของ Interior Design ค่อนข้างมากตัวผมเองเนี่ย คิดว่าที่นี่น่าจะเป็นหนึ่งในโรงแรมในกรุงเทพฯที่มีการ ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งเลย แล้วก็ถ้าเกิดใครที่เป็นสายนี้ชอบเรื่องดีไซน์เรื่องอะไรพวกนี้น่าจะอินกับที่นี่มากๆดังนั้น อยากจะให้มาลองดูนะฮะ Rose Wood Bangkok วันนี้ต้องขอขอบคุณ ทางโรงแรมนะครับที่ให้ผม และทีมงานเข้ามาพักผ่อนที่นี่แล้วก็เอาเรื่องราวดีเทลต่างๆมาเล่าให้ทุกคนฟัง ตอนหน้าจะพาไปที่ไหนอีกต้องกดติดตามนะครับวันนี้ขอลาไปก่อน

See also  เชียงคานอัพเดท ชุมชนน่ารักริมแม่น้ำโขง | อาสาพาไปหลง